ปราสาท Kishiwada เป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1877 ซึ่งหอคอยปราสาทที่เห็นในปัจจุบันนั้นได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ แต่คุณยังสามารถชมซากโบราณได้จากกำแพงหินและคูน้ำของที่นี่ สถานที่แห่งนี้นอกจากจะมีป้ายและรูปภาพที่ให้ข้อมูลเรื่องประวัติศาสตร์ของปราสาท Kishiwada และคูเมืองแล้ว คุณยังสามารถลองสวมหมวกและชุดเกราะซามูไรที่เหล่านักรบสวมใส่ระหว่างการต่อสู้ได้ด้วย เราขอชวนคุณมาลองสวมชุดเป็นแม่ทัพของเหล่าซามูไรแล้วถ่ายรูปเล่นกันดู นอกจากนี้ หอคอยของปราสาทแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่นิยมใช้จัดพิธีแต่งงาน ซึ่งเคยมีชาวต่างชาติใส่ชุดกิโมโนและจัดพิธีแต่งงานขึ้นที่นี่ด้วย
สวน "Hachijin no Niwa" นั้นมีความแตกต่างจากสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมตรงที่มีกลิ่นอายของศิลปะร่วมสมัย โดยที่นี่ใช้เพียงหินและทรายในการจำลองการจัดกองทัพแบบค่ายกลแปดทิศ ซึ่งเป็นวิธีการตั้งค่ายทหารที่ Zhuge Liang (ขงเบ้ง) วีรบุรุษชาวจีนในเรื่องสามก๊กเป็นคนคิดค้น เชิญชมความงดงามของสวนนี้จากชั้นบนสุดของปราสาทดูนะคะ
และยังมีใบปลิวและเสียงบรรยายในภาษาอังกฤษ จีน และเกาหลีไว้รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกด้วย ช่วยให้คุณสามารถรับฟังจุดเด่นของตัวปราสาท รวมถึงรายละเอียดทิวทัศน์ที่มองเห็นจากด้านบนหอคอยปราสาทได้

ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 1905 เป็นศาลเจ้าที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับปราสาท Kishiwada และเป็นสถานที่สำหรับสักการะเทพีแห่งดวงอาทิตย์ Amaterasu-Omikami ซึ่งเป็นเทพเจ้าด้านการเกษตร รวมถึงเทพเจ้าแห่งการรักษาโรค Susanoo-no-Mikoto
ศาลเจ้า Kishiki Jinja นี้มีเทพผู้พิทักษ์ปราสาท Kishiwada ที่มีความเกี่ยวข้องกับเทศกาล Kishiwada (หรือที่รู้จักกันในเทศกาล Kishiwada Danjiri) ซึ่งแต่เดิมเทศกาล Danjiri นี้ถูกกล่าวว่าเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อสักการะเทพเจ้า สำหรับบรรยากาศของเทศกาล Danjiri ที่จัดขึ้นในเดือนกันยายนนั้น ผู้คนจะนำ Danjiri (รถลาก) จากรอบเมืองมารวมกันเพื่อทำพิธีไล่สิ่งชั่วร้ายที่หน้าซุ้มของศาลเจ้า Kishiki Jinja ซึ่งในศาลเจ้านี้คุณสามารถชม Danjiri ขนาดจำลองที่ประดิษฐ์ด้วยมือได้อย่างอิสระ
อีกทั้งศาลเจ้า Kishiki Jinja ยังเป็นที่รู้จักกันในนามเทพเจ้าแห่งความรัก ซึ่งจะมีผู้นับถือมากมายเดินทางมาที่นี่อย่างไม่ขาดสาย และใช้ด้ายแดงขาว 2 เส้นที่เรียกว่า Chigiri ภาวนาขอพรให้ความรักคงอยู่ชั่วนิรันดร์ นอกจากนี้ผู้คนยังสามารถจัดพิธีแต่งงานที่ศาลเจ้าแห่งนี้ในบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ได้อีกด้วย

ที่เมือง Kishiwada นั้นเทศกาล Kishiwada Danjiri ถือเป็นเทศกาลที่สำคัญแห่งปี ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทำให้คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติและเรื่องราวของเทศกาลดังกล่าวได้
นอกจากรถลาก Danjiri (ดันจิริ) ที่ถูกประดิษฐ์ในช่วงต้นยุคสมัยของ พ.ศ. 2343 แล้วยังมีการจัดแสดง Danjiri ของจริง มีจอภาพขนาดใหญ่และภาพเคลื่อนไหวแบบ 3D ให้คุณได้สัมผัสกับความอลังการของเทศกาลแบบเหมือนจริง สิ่งอื่น ๆ ที่ห้ามพลาดเลยก็คือเสื้อ Happi ลวดลายแปลกใหม่ รถลาก Danjiri ขนาดจำลอง รวมถึงงานแกะสลักรถลาก Danjiri สุดปราณีต นอกจากนี้คุณยังสามารถขึ้นไปด้านบนหลังคาของ Danjiri สัมผัสความรู้สึกเหมือนอยู่ในเทศกาลจริงและเพลิดเพลินกับโหมโรง (เครื่องดนตรี), กลองไทโกะ และระฆังที่ใช้ในงานเทศกาลได้ แถมยังมีมุมของที่ระลึกที่จะช่วยให้คุณได้พบกับ Danjiri ขนาดจิ๋ว, พัด, พวงกุญแจ รวมถึงสินค้าอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับ Danjiri อีกมากมาย
ทั้งนี้ เทศกาล Kishiwada Danjiri จะจัดขึ้นในเดือนกันยายนและตุลาคม โดยเมืองที่เข้าร่วมในแต่ละเดือนจะแตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเทศกาลในเดือนกันยายนจะเป็นที่นิยมมากกว่า แต่ก็มีบางคนที่ไปช่วงเดือนตุลาคมเพราะจะได้ดูได้ใกล้ ๆ และเข้าถึงตัวเทศกาลได้มากกว่า

ใครที่กำลังมองหาร้านอาหารท้องถิ่นเพื่อเอาไว้นั่งทาน "Kashimin-Yaki" ที่เป็นอาหารขึ้นชื่อและหาทานได้แค่ที่ Kishiwada เท่านั้น เราขอแนะนำร้าน Torimi นี้ ซึ่งเป็นร้านสำหรับจำหน่าย "Kashimin-Yaki" โดย "Kashimin-Yaki" นั้นดูผ่าน ๆ จะมีลักษณะเหมือน Okonomiyaki (หรือพิซซ่าญี่ปุ่น) แต่จะมีรสชาติของเนื้อไก่และหมูบดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้คุณอิ่มท้องไปกับรสอร่อยของเนื้อไก่และหมูบดที่เข้ากันได้อย่างลงตัว เสิร์ฟในปริมาณที่คุ้มค่าแต่ราคาเพียง 450 เยนเท่านั้น นอกจากนี้เราขอแนะนำ “Tamago no Karayaki” ที่มีลักษณะคล้ายเครปญี่ปุ่น รวมถึงเมนูไก่เทปันยากิที่ปรุงรสไว้อย่างกลมกล่อม เหมาะสำหรับทานคู่กับเหล้าสาเกเป็นอย่างมาก โดยแต่เดิมที่นี่เคยเป็นร้านขายไก่มาก่อนจึงโด่งดังเรื่องความสดใหม่ของไก่และรสชาติที่แสนอร่อยด้วย
ภายในร้านรองรับลูกค้าได้ประมาณ 6 หรือ 7 ที่นั่ง ซึ่งก็มักจะเต็มไปด้วยลูกค้าประจำเกือบตลอดเวลา แต่คุณสามารถซื้อ Kashimin-Yaki กลับไปทานที่บ้านได้

หากคุณต้องการทานของหวานในระหว่างการท่องเที่ยว เราขอแนะนำให้ไปที่นี่ ซึ่งมีชื่อเรื่องเมนู Lunch ที่อร่อย แต่ที่อยากแนะนำเลยก็คือเครปและทีรามิสุในรูปแบบขวดแก้ว เมนูเครปจะมีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครปแบบมาตรฐานทั่วไปไปจนถึงเครปที่ทานแทนมื้ออาหาร 1 มื้อได้เลย ส่วนทีรามิสุในรูปแบบขวดแก้วนั้นมีทั้งหมด 7 รสชาติ ได้แก่ รสดั้งเดิม รสชาเขียว รสงาดำ รสชาเอิร์ลเกรย์ เป็นต้น โดยจะใช้ไข่สดใหม่ของเมือง Kishiwada, ใช้ Mascarpone และครีมสดของญี่ปุ่นทำขึ้นทีละขวดอย่างพิถีพิถัน ปัจจุบันนี้ทีรามิสุของร้านได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากจนมีการไปเปิดร้านตาม Event ต่าง ๆ ของห้างสรรพสินค้าทั่วญี่ปุ่น ที่นั่งในร้านส่วนใหญ่เป็นที่นั่งแบบโซฟา จึงให้บรรยากาศที่ผ่อนคลายและเหมาะสำหรับการแวะพักเมื่อคุณเหนื่อยล้าจากการท่องเที่ยว โดยเครปและทีรามิสุบรรจุขวดนั้นสามารถสั่งกลับบ้านได้ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเดินไปทานไปได้